วัดพระธรรมกายไม่ใช่ลัทธิ แต่เป็น.?

ยืนยันวัดพระธรรมกายไม่ใช่ลัทธิแต่เป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธศาสนา
โดย ดร.สิริมงคล อุ่นใจ
ปริญญาเอก สาขาวิชาพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ประธานกรรมการสมาพันธ์ชาวพุทธกรุงเทพมหานค


วัดพระธรรมกายไม่ได้เป็นลัทธิแต่เป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธศาสนา 
จะเห็นได้ว่าวัดพระธรรมกายจะสอนว่า ให้ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ซึ่งก็ถูกต้องตามหลักพุทธศาสนาทุกอย่าง 

จะเห็นได้ว่าวัดพระธรรมกายมีพระที่จบเปรียญธรรม 9 ประโยคมากเป็นลำดับต้นของประเทศไทย ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าสอนตามหลักพระพุทธศาสนา 

ส่วนคำว่าธรรมกา เป็นชื่อหนึ่งของพระพุทธเจ้า 
พุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทเชื่อว่า พระพุทธเจ้ามี 2 กาย คือ รูปกาย กับ ธรรมกาย 

ส่วนพุทธศาสนาฝ่ายมหายานเชื่อว่าพระพุทธเจ้ามี 3 กาย คือ นิรมาณกาย ธรรมกาย และ สัมโภคกาย 

ซึ่งพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท และมหายาน เชื่อเหมือนกันในเรื่องของ นิพพาน แต่อาจจะมีรายละเอียดปีกย่อยต่างกัน แต่ความเชื่อหลักๆ คือเรื่องนิพพานเหมือนกัน

ส่วนกรณีที่ว่าสอนให้ละ หรือให้รวยนั้น 
วัดพระธรรมกายก็สอนให้ละ ตัณหา อุปกิเลส อุปทาน 

แต่เรื่องรวยนั้น พระพุทธเจ้าท่านก็สอน คนเรายังต้องเกิด ยังต้องกินต้องใช้ จะเกิดมาจนก็ไม่ดี พระพุทธเจ้าท่านก็สอนให้รวยก็คือ "หัวใจเศรษฐี" เรียกว่า ** อุ อา กะ สะ ** ตามหลักในพุทธศาสนา เรื่อง "ทิฏฐธัมมิกัตถะ" (หลักธรรมอันอำนวยประโยชน์สุขขั้นต้น เพื่อประโยชน์สุขสามัญที่มองเห็นกันในชาตินี้) 


ขยันหา รักษาให้ดี มีกัลยาณมิตร สอนให้รวย คือหัวใจเศรษฐี ซึ่งก็ตรงกับคำสอนของพระพุทธเจ้า

ส่วนกรณีสอนให้ไปสวรรค์นั้น 
ตราบใดที่คนเรายังสั่งสมบารมียังไปนิพพานไม่ได้ ยังละตัญหา กิเลส อุปทาน หรือละสังโยชน์ 10 ไม่ได้ก็ไปนิพพานไม่ได้ในชาติต่อไป เมื่อไปไม่ได้ก็ไปสวรรค์ก่อน หรือไปเป็นมนุษย์ชั้นดี 

พระพุทธเจ้าท่านก็สอน เทศน์ให้พระยสะ ฟังเกี่ยวกับอนุปุพพิกถา คือเรื่องการให้ทาน รักษาศีล สวรรค์ โทษของกาม และการออกจากกาม เมื่อเราให้ทาน รักษาศีล ก็จะทำให้ไปสวรรค์ได้เมื่อยังไปนิพพานไม่ได้ ก็ไปสวรรค์ก่อน 


วัดพระธรรมกายก็สอนถูกต้องตามหลักของพระพุทธเจ้าทุกอย่าง ดังนั้นผมจึงมีความเห็นว่า วัดพระธรรมกายไม่ได้เป็นลัทธิ แต่เป็นวัดในพระพุทธศาสนาในเถรวาทครับ


ฟังคลิป ดร.สิริมงคล อุ่นใจ คลิ๊ก
วัดพระธรรมกายไม่ใช่ลัทธิ แต่เป็น.? วัดพระธรรมกายไม่ใช่ลัทธิ แต่เป็น.? Reviewed by สารธรรม on 19:35 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.